ภาษีขายของออนไลน์2561 คนขายต้องเตรียมตัว
กฏหมายให้เสียภาษีสำหรับคนขายของออนไลน์ ซึ่งกำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อจะได้ออกเป็นกฎหมายมาใช้ ถ้าถึงวันนั้นจริงๆพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องตั้งรับให้ทันไม่งั้นอาจโดนค่าปรับหนักแน่นอน
ขายของออนไลน์ สรรพากร |
ตอนนี้ทางกระทรวงการคลังกำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นทางเว็ปไซน์ของกรมสรรพากร เกี่ยวกับกฏหมาย ภาษีขายของออนไลน์ 2561 ในระหว่างวันที่่ 1 เมษายน 2561 ถึง 15 เมษายน 2561 ซึ่งผมลองกดเข้าไปก็มีให้แสดงความคิดเห็นและกรอกชื่อ Email และรหัสบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนก่อนส่งความคิดเห็นไปให้ทางสรรพากรรับเรื่อง
ภาษีขายของออนไลน์ 2561 |
ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่าความคิดเห็นของทั้งคนที่เห็นชอบและเห็นต่าง เมื่อรวมกันแล้วจะออกมาในรูปแบบไหน โดยร่างกฏหมายนี้ทางคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ออกมาแล้ว เหลือแค่ความคิดเห็นจากหน่วยงานรัฐและเอกชนรวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย คงต้องติดตามกันต่อไปซึ่งผมว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
ภาษีแม่ค้าออนไลน์ |
ในเว็ปของกรมสรรพากรให้เหตุผลว่าการออกฏหมายตัวนี้ว่า เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการนำส่งเงินภาษี และเพื่อให้สรรพากรได้รับประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร จึงได้มีกฏหมายตัวนี้ขึ้นมาโดยให้ทางธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมลักษณะพิเศษส่งให้ทางกรมสรรพากร ธุรกรรมพิเศษที่ว่าไว้ก็ระบุในร่างกฏมายดังนี้
กฏหมาย ภาษีร้านค้าออนไลน์ |
''ฝากหรือรับโอนรวมกัน 3,000 ครั้ง ใน1ปี''
''ฝากหรือรับโอนทุกบัญชีตั้งแต่ 200 ครั้ง และยอดรวมกัน 2,000,000 บาทขึ้นไป ใน 1 ปี''
ซึ่งทางธนาคารต้องส่งหลักฐานของบัญชีที่เข้าข่าย ''ธุรกรรมลักษณะพิเศษ'' ให้กับทางกรมสรรพากรตวรจสอบ เพราะในร่างกฏหมายได้ระบุถึงโทษของทางเจ้าหน้าที่และผู้รายงานภาษีไว้ถ้าไม่ดำเนินตามกฏหมายที่กำลังจะออกก็จะมีความผิดเช่นกัน
บทลงโทษ ภาษีขายของออนไลน์ |
โดยผู้รายงานมีโทษปรับตามขีดเส้นใต้สีแดงในรูป และเจ้าพนักงานที่ทำหน้าที่ฝ่าฝืนไม่ทำตามกฏหมายคือไม่ส่งรายงานธุรกรรมก็จะมีโทษทั้งจำและปรับระบุไว้ชัดเจน ดูแล้วก็โทษหนักเอาการเลยทีเดียวดังนั้นเราจะเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัวไม่ได้แล้วยิ่งคนที่ขายของออนไลน์ต้องดูเรื่อง ภาษีขายของออนไลน์ เพราะขายของออนไลน์ก็ต้องมีการโอนเงินกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว สิ่งที่เราๆทั้งหลายต้อง เตรียมตัวไว้ถ้าหลังจากที่กฏหมายประกาศใช้ก็คือ
- ทำบันทึกรายรับรายจ่าย
- เก็บหลักฐานธุรกรรมด้านการเงิน พร้อมบันทึกว่าเป็นธุรกรรมเกี่ยวกับอะไร
- แยกบัญชีออกให้ชัดเจน ว่าบัญชีไหนใช้ส่วนตัว บัญชีไหนใช้ทำธุรกิจ
เพราะถ้าเราเข้าข่ายขึ้นมาและมีการเรียกตรวจสอบ ถ้าเราไม่มีหลักฐานชี้แจงกับสรรพากรอาจจะเป็นเรื่องวุ่นวายขึ้นมาก็เป็นได้ พ่อค้าแม่ค้าเตรียมตัวกันให้ได้เพราะถ้าประกาศใช้ขึ้นมางานนี้ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอนครับ
รูปภาพ : shaanxifinance
อ้างอิง : tax.bugnoms
Post a Comment